วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สินค้าธรรมชาติปลอดสารเคมีในประเทศไทย

สินค้าธรรมชาติปลอดสารเคมีในประเทศไทย
ผมมีโอกาสได้มาเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 20 ปีแล้วและรู้ทุกอย่างตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก ผมรักประเทศไทย อาหารไทยรสจัดที่มีเสน่หเฉพาะตัวทำให้ผมมีความสุขมาก ผมสามารถหาซื้อผลไม้สด ผักนานาชนิด และเนื้อสัตว์ ปลาสดได้ที่ตลาด

ถือได้ว่าอาหารไทยมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวและดีมากอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากปราศจากการปนเปือนในอาหารเมื่อตอนที่ผมเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศต่างๆ ผมมักจะเห็นเกษตกร ชาวนาใช้สารเคมี และใช้การเผาไฟกับต้นผลไม้ซึ่งมันทำให้ผมกลัวเหลือเกิน!

“ผู้สร้างโลก” ของเราได้บรรจงสร้างสรรค์โลกนี้อย่างสวยงาม มีความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์แบบ และเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว แต่ก็น่าเสียดายที่ระบบเหล่านี้ค่อยๆโดนทำลายลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดัดแปลงทางพันธุกรรมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีกว่า มีความทนทานต่อเชื้อรา และสัตว์ที่รบกวน แต่กลับเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยระยะยาวถึงระบบนิเวศวิทยาและสามารถยืนยันได้ว่าการเปลี่ยนแปลงยีนส์นี้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ความอันตรายกำลังใกล้เข้ามาในระดับที่น่ากลัวทีเดียว! เช่นเดียวกับการประยุกต์ทำ ปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มผลผลิตและในขณะเดียวกันก็ทำให้เป็นพิษต่อเชื้อรา และสัตว์ที่รบกวน

ผู้ผลิตทางเกษตรได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตผลและแสดงผลลัพท์ให้เห็นว่าการผลิตนั้นต้องมีส่วนประกอบที่สัมพันธ์ด้วยน้ำ แต่ผมมีข้อสงสัยสำคัญเกี่ยวกับเกษตรกรทั้งหลายว่าจะสามารถรักษาระดับส่วนผสมในการทำการเกษตรได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ และฉีดเลี้ยงตามขนาดได้อย่างถูกต้องหรือไม่

ผลลัพท์จากการใช้สารเคมีนั้นส่งผลให้เกิดปัญหาที่ตามมามากมาย สารพิษเหล่านี้แม้ว่าจะล้างออกหลายครั้งแต่ก็ยังคงมีเหลือตกค้างในผลไม้ พืชผักหลังจากเราบริโภคเข้าไปแล้ว

ร่างกายของเราสร้างสารพิษขึ้นมาเอง (อะดรีนาลีน กรดในกระเพาะ ฯลฯ) แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตแล้วสิงนี้ไม่ก่อให้เกิดสาเหตุของอันตรายใดๆแต่จำเป็นต่อร่างกายการใช้สารเคมีอื่นๆหรือก๊าซในอากาศสามารถเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ ผลลัพท์ที่ตามมาอาจกลายเป็นการแพร่กระจายของสารก่อโรคเช่นมะเร็งหรือภูมิแพ้ได้

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้บริโภคพยายามที่จะระมัดระวังระดับของสารเคมีและซื้อสินค้าที่ปลอดสารเคมี แต่ก็พบว่าสินค้าที่มีนั้นไม่ได้ผลิตมาจากธรรมชาติ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสามารถควบคุมได้ไม่ถาวร ดังนั้นจึงมีมีโทษรุนแรงสำหรับผู้กระทำความผิดโดยเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ (สำนักงานกรมสุขภาพหรือองค์กรอื่น) ผู้ควบคุมมั่นใจว่าจะไม่มีส่วนผสมที่มีสารพิษในอาหาร นอกจากนี้ผมยังมีข้อสงสัยอีกข้อถึงการตรวจวิเคราะห์กระบวนการผลิตในประเทศไทยอีกด้วย

สรุป
ในขณะที่ผมเห็นผลไม้ พืชผักที่สดและสะอาด ผมก็ยังมีความกังวลและหวังให้ผู้อ่านมีความเข้าใจและช่วยกันคิดเพื่อชิวิตที่ดีของเรา


ราล์ฟ กวินเธอร์

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขณะนี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 มีการกลายพันธุ์ในเวียดนามแล้ว!


กรุงฮานอย - 9 มกราคม 2012

     กรมสุขภาพปศุสัตว์ในเวียดนามได้ประกาศเตือนให้มีการใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยสำหรับโรคระบาดร้ายแรงก่อนที่จะไม่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกได้

     เชื้อไวรัสไข้หวัดนกได้ระบาดใน 4 ชุมชน ซึ่งอยู่ในเขต 3 จังหวัด Quang Tri   Dena, Thanh Ho และ Soc Trang มีการกำจัดไก่ทิ้งแล้วจำนวน 1,700 ตัว เมื่อสัปดาห์ก่อน และจนถึงขณะนี้จำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่า 4,000 ตัว รวมทั้งเป็ดด้วย รองผู้อำนวยการ Pham van Dong กล่าวในที่ประชุมของคณะกรรมการดำเนินการเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก กระทรวงสาธารณะสุขเมื่อวันอังคาร มีการตรวจพบสัตว์ปีกที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในพื้นที่อื่นๆ เช่นที่ Nghe, Bac Lieu, Kien Giang, Hanoi และ Thai Nguyen ซึ่งสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ในพื้นที่เหล่านี้มีการค้ส่งออกมายังประเทศไทยด้วย

     สถานการณ์เชื้อไวรัสไข้หวัดนกในขณะนี้ พบผู้ป่วย 2 รายที่ Cuu Long (Mekong) Delta ทางกระทรวงสาธารณะสุขประกาศเตือนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกใน 3 จังหวัดเสี่ยง Soc Trang and Kien Giang

     ล่าสุดจากสภาวะอากาศแปรปรวนอย่างร้ายแรง ส่งผลทำให้มาตรการการป้องกันโรคทำได้ยาก รัฐมนตรี Cao Duc Phat ซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองในจังหวัดดังกล่าวจึงเป็นผู้ประสานงาน ดำเนินการป้องกัน และฟื้นฟูพื้นที่จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก

     มีการพบการกลายพันธ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ในพื้นที่ทางตอนเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังขาดยารักษาโรคและวัคซีนป้องกัน
Hoang Van Nam  ผู้อำนวยการกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษเร่งด่วนเพื่อเข้าควบคุมและหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่มีการกลายพันธุ์ นอกจากนี้เราได้เชิญองค์กรพัฒนาวัคซีนใหม่เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคดีขึ้น

     กรมสาธารณะสุขของจังหวัด Soc Trang รายงานว่าหญิงที่ให้กำเนิดทารกซึ่งติดเชื้อไวรัส H5N1 ที่กลายพันธุ์ได้เสียชีวิตลงแล้ว ผลการตรวจเชื้อ H5N1 เป็นลบหรือ เนกาทีฟ

     ดังนั้นเราจึงสันนิษฐานได้ว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส H5N1 นั้นมีอันตรายซึ่งในขณะนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก และยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่เชื้อจากมนุษย์ไปสู่มนุษย์ได้หรือไม่


ราล์ฟ กวินเธอร์

การมาของเชื้อร้ายจากเอเชีย รวมทั้งจีนด้วย!


มีการค้นพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ในอิเดียและเนปาล!

01/09/2012

เมื่อมีการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในอินเดีย ไก่จำนวน 28,000 ตัว ตายลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สัตว์ปีกอีกประมาณ 350,000 ตัว มีการติดเชื้อในเขตทางตอนใต้ของเบงกอล จึงได้มีการกำจัดสัตว์เหล่านี้เพื่อเป็นการป้องกันตามคำประกาศของรัฐบาลแห่งชาติ


เมื่ออังคารที่ผ่านมา มีการยืนยันเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ว่าถึงการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกนี้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ได้

รายงานจากทีวีช่อง NDTV

ผู้เชียวชาญได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงนี้ทันทีเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก
มีการค้นพบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ในไก่อีกครั้งในภาคตะวันออกเชียงใต้ของเนปาลเป็นครั้งแรกในปี 2009

ตัวอย่างเนื้อไก่ถูกส่งไปตรวจสอบหาเชื้อที่ห้องแล็บฯที่ลอนดอน
เขตที่ได้รับผลกระทบนี้คือ เขตหมู่บ้าน Khanar, Ithari, Sunsari, Ilam และ Panchathar ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาที่รู้จักกันดี จนถึงขณะนี้ มีการกำจัดไก่ไปแล้วจำนวนมากกว่า 4,000 ตัว

แม้ว่าจะมีรายงานทางการแพทย์เกี่ยวกับอาการของโรคในมนษย์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการสำหรับกรณีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน

อย่างไรก็ตามมีความกังวลถึงผู้บริโภคที่มีปริมาณความต้องการบริโภคสัตว์ปีกมากถึงร้อยละ 90  และการการตื่นตระหนกจากข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจนมีผลทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าซื้อเนื้อสัตว์ปีกอีกต่อไป

จากข่าวนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ชัดเจนอีกครั้งถึงจำนวนที่แท้จริงของการระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งอาจจะมีจำนวนมากกว่าในรายงานที่เรารับทราบกัน


ราล์ฟ กวินเธอร์

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เพศที่ 3

    ผมต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มคนที่กำลังรอคอยความรู้และความเข้าใจในสังคมอย่างแท้จริงและยังเข้าใจผิดๆอยู่ในเรื่องนี้


    ผมกำลังพูดถึงผู้ที่มีหัวใจเป็นภรรยาในร่างของสามี เราเรียกคนเหล่านี้ว่า ผู้ที่มีจิตใจเหมือนเพศตรงข้าม ผู้ชายที่มีจิตใจเป็นผู้หญิง กระเทย และ เลดี้บอยในเอเชีย
    
         กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่เกย์และสามารถมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนอื่นได้ด้วย นอกจากนี้กลุ่มคนรักร่วมเพศจะมีส่วนของด้านความเป็นผู้หญิงมากกว่าและอารมณ์บางอย่างจะมีมากกว่าผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงมากกว่า เกย์ที่ชอบแต่งเป็นผู้หญิงก็เช่นเดียวกันกับกลุ่มที่ยังไม่ได้แปลงเพศ
   
       เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นในเบื้องต้นสำหรับกลุ่มรักร่วมเพศ ในกลุ่มเกย์จะมีความรู้สึกทางเพศชายและหญิงมากกว่า บ่อยครั้งจะเห็นได้จากชุดแต่งกายที่แสดงออกถึงลักษณะทางเพศ
     
     ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ที่มีจิดใจเป็นผู้หญิง พวกเขาคิดและรู้สึกเหมือนผู้หญิงทั้งๆที่ตัวเองนั้นอยู่ร่างผู้ชาย แม้กระทั่งผู้เป็นแม่ของเด็กที่มีลักษณะพิเศษนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าใจจิตใจลูกของตัวเองได้อย่างถ่องแท้ คุณสามารถเข้าใจใจความรู้สึกในส่วนของผู้หญิงได้ แต่สามารถเข้าใจได้เพียงบางส่วนเท่านั้สำหรับความรู้สึกในส่วนของผู้ชาย
    
    คนกลุ่มนี้มักจะถูกเข้าใจในทางที่ผิดและมักจะพบปัญหาในการใช้ชีวิตในสังคม และสังคมมักจะแบ่งแยกและสรุปว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ หากพวกเขาสวมเสื้อผ้า แต่งหน้าเป็นผู้หญิง และมีอารมณ์ทางเพศที่แปลกออกไป


    ในทางการแพทย์แล้วจะมองว่าคนกลุ่มนี้มีอาการทางจิตในเรื่องเพศ และผิดปกติหรือมีความแปลกประหลาดโดยธรรมชาติ แต่ในแง่ของความปลอดภัยแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น


ราล์ฟ กวินเธอร์

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การรักร่วมเพศ หรือ ผู้ที่มีลักษณะสนใจทั้งสองเพศ คือบาปหรือไม่?

การรักร่วมเพศหรือผู้ที่มีลักษณะสนใจทั้งสองเพศนั้นไม่ใช่เรื่องบาปอย่างแน่นอน!

          ผู้คนประมาณหนึ่งในสามไม่มีความสนใจในเพศตรงข้ามโดยกำเนิด ซึ่งข้อมูลนี้มาจากสถิติและจะเห็นได้ว่าเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

นี่คือความแตกต่างที่พระเจ้าตั้งใจหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะมันจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้เลย!

          ผู้ที่มีจิตใจเหมือนเพศตรงข้าม (ตัวอย่างเช่น เลดี้บอย กระเทย ตุ๊ด) ยังถูกมองเป็นเรื่องการเบี่ยงเบนทางเพศ หรือ ความผิดปกติทางเพศ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เป็นเรื่องจริงอย่างสิ้นเชิง

พระเจ้าคือบุรุษและสตรีในร่างเดียว?

          ในผู้ที่มีจิตใจเหมือนเพศตรงข้าม ซึ่งผมหมายถึงความเป็นผู้หญิงในร่างกายผู้ชาย หรือในอีกแง่หนึ่งคือผู้ที่พระเจ้าต้องการแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางเพศ แม้กระทั่งในสัตว์หรือพืชก็ตาม

          มีผู้คนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่เข้าใจ “ความจริงนี้อย่างยุติธรรม” และยอมรับในสังคมโดยไม่ใส่ใจในผลรายงานในเรื่องความรู้สึกทางเพศอย่างเปิดเผยและจริงใจ การสำรวจเรื่องนี้จากสถิติเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถทำได้

          มนุษย์ในกลุ่มที่สามก็มีเพศที่แตกต่างออกไปเช่นกัน แม้ว่าบางครั้งต้องฝืนทั้งๆที่ไม่ใช่ความรู้สึกทางเพศที่ตัวเองต้องการจริงๆก็ตาม ซึ่งถือเป็นเรื่องยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ชีวิตร่วมและมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศตรงข้ามได้อย่างปกติ

ราล์ฟ กวินเธอร์

งานต่อไปในอนาคตของราล์ฟ กวินเธอร์?

     ผมเป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ถูกกดขี่ทางเชื้อชาติและปัญหาคุณค่าของชีวิตของมนุษย์
     
     ผมให้ข้อมูลและข้อชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องต้องห้ามที่สังคมปิดกั้นไม่สามารถพูดได้

ราล์ฟ กวินเธอร์ เคยทำงานอะไรมาก่อน?

   ผมเป็นผู้ฝึกอบรม คิดค้นสิ่งประดิษฐ์โดยผลงานที่สร้างได้รับการจดสิทธิบัตร นอกจากนี้ยังเป็นผู้ให้วิสัยทัศน์และแนวคิดต่างๆอีกด้วย ผลงานสิ่งประดิษฐ์และการพัฒนาเทคโนโลยียังคงดำเนินตลอดมา 37 ปีจนถึงปัจจุบัน

- ผู้ฝึกอบรม (ผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์กำเนิดพลังงานแสงอาทิตย์ – โซลาร์ พาวเวอร์)

- คำนวณการติดตั้งไฟฟ้ากระแสตรงพื้นฐานในอาคารโรงเรียน

- ผู้ฝึกสอนฟิสิกส์ วิศวกรไฟฟ้า ผู้ติดตั้งแผงกำเนิดพลังงานแสงอาทิตย์และสถาปนิกในสวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนี และทั่วโลก

- โปรโมตงาน “ทู เดอ โซล” (Tour de Sol) เป็นครั้งแรกในสวิสเซอร์แลนด์โดยมีการอบรมพิเศษสำหรับวิศวกร รวมทั้งโครงการให้กู้และลดราคาพิเศษสำหรับโซลาร์เซลส์ แผงโซล่าร์ แบตเตอรี่ อุปกรณ์ชาร์จไฟและบริการอื่น รวมทั้งช่วยเหลือสนับสนุนยานพาหนะและอะไหล่ในระหว่างงาน

- งานนิทรรศการครั้งแรกของ “ทู เดอ โซล” นำเสนอยานพาหนะใช้พลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในอาคารแสดงผลงานของผมที่เมือง มุธเทน บาเซิล สวิสเซอร์แลนด์

- เป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาเรือที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้กับวิศวกรรุ่นใหม่จากวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์แห่งเมืองบีล สวิสเซอร์แลนด์

สิ่งประดิษฐ์และไอเดียของผม

1 1. สนามพลังงานแสงอาทิตย์
- ชุดเครื่องควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้พร้อมแบตเตอรี่ชาร์จและปล่อยกระแสไฟออก และตัวกำหนดการใช้งานของเครื่องชุดแรก

- เครื่องควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์ภายในอาคารที่อยู่อาศัยชุดแรก
ไฟฟ้ากระแสตรง 12 -24 โวลต์ ครั้งแรก

- อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์สำหรับเปิดไฟ PL และ FL ชุดแรก

- เครื่องวัดไฟฟ้ากระแสตรงที่ผลิตได้ในชุดแรก

- ตัวแปรงไฟใหม่

- ตัวแปรงการจ่ายไฟให้เป็นไฟระดับ3เฟส


รูปแผงโซลาร์ เซลล์ติดด้านหน้าอาคาร INELTEC ในเมืองบาเซิล



รูปการติดแผงโซลาร์ เซลล์บนหลังคา

- ติดตั้งตัวแยกสารประกอบไฮโดรเจนด้วยวิธีอิเล็กโทรไลซ์เคลื่อนที่เป็นครั้งแรกของโลกด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่งาน INELTEC

(เป็นงานมหกรรมสาลกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ที่เมืองบาเซิล สวิสเซอร์แลนด์)

- รายละเอียดแบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยวิธีการแยกสารประกอบอิเลคโทรไลซ์และส่วนที่เกี่ยวข้อง

- แหล่งพลังงานสำรองจากแสงอาทิตย์สำหรับโทรศัพท์ฉุกเฉินบนทางด่วน

- แหล่งพลังงานสำรองจากแสงอาทิตย์สำหรับผู้ดูแลการปศุสัตว์

- มิเตอร์ที่จอดรถที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

- แหล่งพลังงานสำรองจากแสงอาทิตย์สำหรับเครื่องส่งสัญญาณ (ปั๊มน้ำมัน) และการวัดค่าต่างๆ

- ติดตั้งแผงควบคุมไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ครั้งแรกและใหญ่ที่สุดขนาด 3.2 กิโลวัตต์

- ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์อิสระครั้งแรกและใหญ่ที่สุดขนาด 2.8 กิโลวัตต์


ภาพแผ่นผลึกและหน่วยวัดพลังงานแสงอาทิตย์อิสระ แบตเตอรี่และตัวแปลงไฟฟ้า

โรงงานพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในเมืองทิซิโอ สวิสเซอร์แลนด์ เพื่อจ่ายไฟให้เครือข่ายสถานีรถไฟ (SBB)

ภาพโรงงานพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในเมืองทิซิโอ สวิสเซอร์แลนด์ พลังงานขนาด 100 กิโลวัตต์


สร้างบอลลูนข้ามเทือกเขาแอลป์โดยมีเครื่องรับส่งสัญญาณโต้ตอบด้วยแบตเตอรี่พิเศษและพลังงานแสงอาทิตย์ (เครื่องรับส่งสัญญาณจะส่งสัญญาณวิทยุเพื่อให้สามารถตรวจพบได้บนจอเรดาร์ ไม่เช่นนั้นบอลลูนจะไร้การควบคุมและสูญหาย!)

การพัฒนาโคมไฟส่องทางท้องถนนที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

พลังแสงอาทิตย์สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบการทำงานอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กเช่นเครื่องคิดเลขเป็นครั้งแรกในตลาดซื้อขายอิเลคทรอนิกส์ (EM Schweiz)

ภาพอาคารพานิชย์ของผมในเมืองมุธเทน เบสเซิลแลนด์ (สวิสเซอร์แลนด์)




ภาพบูธผลิตภัณฑ์ BDW AG ในงานแสดงสินค้านานาชาติ



ภาพหม้อสะสมไฟฟ้า (ในแบตเตอรี่)ที่ใช้ในอุตสาหกรรม


2 สนามพลังงานแบตเตอรี่

การผลิตแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟได้ให้กับบริษัทโทรศัพท์ไร้สายเช่น Autophon, Ascom, Bosch, German Telecom วิทยุสื่อสารตำรวจและทหาร โดยผ่านการทดสอบป้องกันการระเบิดในส่วนประกอบของสารเคมีและวัสดุที่ใช้ในการผลิตแล้ว

ชาร์จไฟในช่องแช่แข็งของตู้เย็นด้วยอุณภูมิ -40 องศาเซลเซียส

ทดสอบใช้ความร้อนกับสตาร์ตเตอร์ของแบตเตอรี่ในขณะใช้งานในอุณภูมิต่ำ

ผลงานคิดค้นแบตเตอรี่ที่มีพื้นที่เก็บไฟฟ้าแยกส่วนพร้อมการันตีอายุการใช้งานอย่างน้อย 20 ปี

ผ่านการทดสอบป้องกันน้ำเข้าและแรงกดดันอากาศของแบตเตอรี่จากการทำวิจัยด้วยเรือดำน้ำปิกคาร์ด (Piccard) บนฟิล์ม

ทดสอบด้วยความร้อนสำหรับแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟได้


3. อื่นๆ

รองเท้าบูตที่สามารถทำความร้อนได้

ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงภาพยนต์

แว่นตาสกีที่สามารถใช้แบตเตอรี่ในการทำความสะอาดแว่นตัวเองได้

และอย่างอื่นอีกมาก

สิทธิบัตรต่างๆ

- ขับเคลื่อนยานพาหนะด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดที่ต่างกัน 2 ชนิด (สิทธิบัตร CH 677 544 A5)

-มอเตอร์บอลแม่เหล็กไฟฟ้า (สิทธิบัตรการใช้งาน หมายเลข 1027/07)

ยืดหยุ่นระยะเวลาการเก็บรักษา อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน

-การปล่อยรังสีคอสมิคผสมรังสีของโลก

ต้องขอขอบคุณพนักงานเก่าของผม ทุกๆคน ช่างไฟฟ้า วิศวกร สถาปนิก นักออกแบบ วิทยาลัยวิศวกร ชั่งฟิตติดตั้งอุปกรณ์หน้าต่างและด้านหน้าอาคาร ช่างมุงหลังคา ช่างเคาะแผงโครงสร้าง ผู้ผลิตตัวแปลงไฟฟ้าและชาร์จไฟในสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ที่เกี่ยวข้องประเทศเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศที่ผมได้เคยร่วมงานด้วยกันมาซึ่งล้วนทำให้ผมมีแรงผลักดันทางวิสัยทัศน์และโครงการต่างๆของผม ความสำเร็จในการพัฒนาและผลลัพท์ที่ได้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วหากไม่มีท่านทั้งหลายเหล่านี้

ราล์ฟ กวินเธอร์คือใคร?

   ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ผมอายุครบ 50 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 22พฤษภาคม 2539 ผมตัดสินใจบอกเลขาฯของผมว่า ผมจะไม่กลับไปที่ทำงานอีกต่อไปแล้ว ภาระความผิดชอบงานทั้งหมดผมขอมอบให้กับพนักงานอาวุโสที่มีประสพการณ์ดำเนินการต่อแทนผม ถึงฟังดูจะเป็นเรื่องยาก แต่ผมตั้งใจแล้วและจะไม่กลับไปอีกแน่นอน

   ในปี พ.ศ. 2540 ผมเริ่มต้นงานใหม่อีกครั้งในตำแหน่งที่ปรึกษาในเครือของกลุ่มนิตยสารช่วยเหลือสังคมเกี่ยวกับผู้ด้อยโอกาสและความไม่เท่าเทียมกันของสังคม ผมใช้เวลาศึกษางานด้วยการพบปะผู้คนและเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆทั่วโลก ซึ่งผลที่ได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมากในแอฟริกา และส่วนอื่นๆอีกมากมาย

   ในปีพ.ศ. 2541 ผมเริ่มเขียนหนังสือและได้รับการยอมรับจากสมาคมนักเขียนแห่งเยอรมนี และชื่อของผมก็อยู่ในฐานะนักเขียนในหอสมุดแห่งชาติ

   เมื่อต้นปีพ.ศ. 2553 ผมเดินทางจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์มายังประเทศไทย โดยเลือกที่จะมาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมเดินทางท่องเที่ยวและพบปะผู้คนไปยังประเทศรอบข้างอย่างเช่น ลาว พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ผมรักประเทศไทย และอาหารรสเผ็ดของไทย

   ผมเริ่มต้นเขียนหนังสือเล่มที่ 4 ชื่อเรื่อง “จุดจบของเรื่องต้องห้าม” ซึ่งในเรื่องนี้ผมทำงานอย่างหนักเกี่ยวกับ “กระเทย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ด้วยจำนวนมากกว่า 600,000 คน ในระหว่างการวิจัย ผมสังเกตได้ว่ามีกลุ่มหนึ่งถูกเรียกว่า “เลดี้บอย” ซึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคม และด้วยความที่ไม่เป็นที่ยอมรับและยังมีความเข้าใจผิดทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ถูกแบ่งแยกออกจากสังคม ทุกวันนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจและก็ยังคงไม่มีใครเข้าใจได้ดีมากไปกว่าผมต่อกลุ่มคนที่มีความพิเศษเหล่านี้ แม้กระทั่งมารดาของ "กระเทย" เองยังสามารถเข้าใจเพียงด้านความเป็นหญิงเท่านั้น ในขณะที่ด้านความเป็นชายยังเป็นเรื่องที่กว้างเกินไปที่จะเข้าใจในตัวตนของกระเทย